作者文章彙整
-
ประวัติเหลาจื้อโดยย่อ
[show_avatar email=tan_chenghoon@yahoo.com align=right avatar_size=90]เหลาจื้อ (เล่าจื้อ) แซ่หลี่ชื่อตัวว่าเอ่อร์ ฉายาเปอะหยาง หรือตัน (เหลาตัน) เป็นคนอำเภอขู่รัฐฉู่ (ปัจจุบันคือเมืองลู่อี้ในมณฑลเหอ หนาน) เกิดในช่วงหลังยุคชุนชิว (ประมาณก่อนคริตศักราชปี 571) ท่านเคยรับราชการเป็นบรรณารักษ์ ที่หอสมุดหลวงของราชวงศ์โจว เหลาจื้อมีอายุมากกว่าขงจื้อประมาณ 20 ปี ในเวลานั้นขงจื้อเคยเรียนถามพิธีกรรมกับเหลาจื้อในสมัยราชวงศ์โจว เมื่อกลับมายังประเทศหลู่ได้ยกย่องเหลาจื้อกับนักเรียนว่า “ท่านเหลาจื้อที่เราพบนั้นดุจเทพเจ้ามังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ความรู้ของท่านนั้นลึกล้ำยากที่หยั่งวัดได้ นับเป็นครูของเราอีกท่านหนึ่ง”
เมื่อราชวงศ์โจวถึงยุคเสื่อมโทรม เหลาจื้อลาออกจากราชการมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกผ่านด่าน”หานกู่”เข้าสู่ประเทศฉีน นายด่านชื่ออินซี่ขอร้องให้หยุดพักที่ด่านเพื่อเขียนหนังสือปรัญชาแห่งชีวิต ท่านจึงได้เขียนหนังสือชื่อว่า “เหลาจื้อ” ขึ้นมา 1 เล่มมีอักษรทั้งหมด 5,000 คำ ต่อมาเรียกว่าคัมภีร์“เต้าเตอะ” หลังจากนั้นไม่มีใครทราบบั้นปลายของชีวิตท่านเลย เหลาจื้อคือนักคิดและนัก ปรัญชาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของจีน เป็นต้นกำเหนิดของปรัญชาเต๋า ต่อมาถูกยกย่องให้เป็นต้นตระกูลแซ่ลี้ของฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์ถัง แล้วถูกฮ่องเต้ราชวงศ์ถังแต่งตั้งให้เป็นเทพแห่งเทพเจ้า (ไท่ซ่างเหลาจวิน) เป็นหนึ่งในร้อยของผู้มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์โลก ผลงานที่เป็นแก่นสำคัญมากที่สุดคือเหตุความเรียบง่าย สนับสนุนปกครองโดยไม่ปกครอง ซึ่งหลักคำสอนดังกล่าวเป็นรากฐานต่อการพัฒนาปรัชญาอันลึกซึ้งของจีนมาอย่างยาวนาน จึงถูกยกย่องให้เป็นศาสดาแห่งศาสนาเต๋า
เหลาจื้อใช้คำว่า “เต๋า” อธิบายถึงการเปลี่ยนแปลง(พัฒนาการ)ของสรรพสิ่งในจักรวาล มีแนวคิดว่า”เต๋ากำเหนิดหนึ่ง หนึ่งกำเหนิดสอง สองกำเหนิดสามและสามกำเหนิดสรรพสิ่ง” เต๋าก็คือ”ชีวิตแห่งวิถีธรรมชาติ” เพราะ ”คนเคารพกฏของดิน ดินเคารพกฏของฟ้า ฟ้าเคารพกฏของเต๋าและเต๋าเคารพกฏของธรรมชาติ” “เต๋าเป็นการมองกฎแห่งธรรมชาติอย่างเป็นกลาง มีความเป็นอิสระ มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงและการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ย่อท้อ” คือความหมายอันเป็นนิรันดร์
-
Introduction to Lao zi
Lao zi, name Li Er, the word ‘Bo Yang’, also name Lao Dan. was born in about around BC 571 the later period of spring and autumn (Chunqiu period ), Chu state Ku county (now Henan LuYi). Had done Zhou dynasty keep hidden chamber of history, in charge of the royal scheme. His about more than twenty years old greater than Confucius, Confucius had to zhou dynasty asked him ritual, back after Lu state to his students say: I see Lao tze, like be secretive in one, knowledge deep and unpredictable, it is my teacher!
Zhou dynasty decline, Lao zi resign the goverment post then from west going to ‘han-gu-guan’ into the qin state, the defend of gate duty officials name YinXi ask for stay. Written have the “Lao zi” five thousand words, also called the “Tao Te Ching”. Then his “Left vanish into thin air”.
Was China ancient times a great philosopher and thinker, founder of the Taoist school. By the Tang dynasty emperor after think those named ‘Li’ account ancestor, and be Tang emperor Wu after sealing for the very high lord (Tai Shang lao jun). Is the world cultural celebrities, the world one hundred celebrities. His opus essence is simplicity dialectics, opinion govern by doing nothing that goes against nature, the theory to the development of Chinese philosophy has a profound effect. His is be honored as Taoism ancestor.“Lao zi” with ‘way’ to explain the evolution of the universe, that the tao bring forth one, one bring forth two, two bring forth three, three bring for all things on earth. ‘Tao’ is ‘the life command and often nature’. Human being way to earth, earth way to heaven, heaven way to Tao, Tao way to natural rule. ‘Tao as the objective laws of nature, but also has a independent don’t change, go not almost’ eternal significance.
-
老子簡介 (Introduction to Lao zi /ประวัติเหลาจื้อโดยย่อ)
老子,姓李名耳,字伯陽,謚曰聃,又稱著老聃。楚國苦縣(今河南鹿邑)人, 生于春秋後期(約公元前571年左右), 他曾做過周王室的守藏室之史, 掌管王室圖籍。老子約比孔子大二十歲,孔子曾到周朝向他問禮,回鲁國後向他的學生說:我所見的老子,好像神龍見首不見尾,學識淵深而莫測,真是我老師呀!
周王室衰敗時,老子辞官西出函谷關入秦,為關令尹喜所留,著有《老子》五千言,又稱《道德经》,隨後便“莫知其所終”。是中國古代偉大哲學家和思想家、道家學派創始人。被唐朝帝王追認為李姓始祖,又被唐皇武后封為太上老君。是世界文化名人,世界百位歷史名人之一,其作品精華是朴素辨証法,主张無為而治,其學說對中國哲學發展具有深刻影嚮,在道教中被尊為道祖。
《老子》以“道”解釋宇宙萬物的演變,認為“道生一,一生二,二生三,三生万物”,“道”乃“夫莫之命(命令)而常自然”,因而“人法地,地法天,天法道,道法自然”。“道為客觀自然規律,同時又具有獨立不改,周行而不殆”的永恒意義。 -
ศาสนาเต๋าในประเทศไทยโดยสรุป
泰國道教概述(泰文版)
การย้ายถิ่นฐานของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย (ชาติพันธุ์จีน) เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูของสมัยราชวงศ์ถังถึงยุคโจรสลัดญี่ปุ่นก่อกวนในสมัยราชวงศ์หมิง และย้ายถิ่นฐานมายังทะเลจีนใต้มากขึ้นในปลายรัชสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งในการย้ายถิ่นฐานนี้ก็เป็นการนำเอาวัฒนธรรมและความเชื่อในเทพเจ้า(ศาสนาเต๋า)ตามติดออกมาสู่ภายนอกประเทศ การที่ชาวจีนโพ้นทะเลต้องดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับกลุ่มชนต่างชนชาติในต่างแดน แต่พวกเขาก็มีจุดร่วมของการนับถือและการคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ก่อให้เกิดกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ดังนั้นกิจกรรมในพิธีทางศาสนา การที่พวกเขามีความเชื่อร่วมกันทำให้พวกเขาพร้อมกันจุดธูป คุกเข่ากราบไหว้ สมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวฟันฝ่าอุปสรรคและความทุกข์ยาก โดยไม่รู้สึกถึงความโดดเดี่ยว ในสมัยราชกาลที่ 5 พระปิยะมหาราชทรงมีความเมตตาทรงผ่อนปรนกฏบัญญัติต่อชนชาวจีนมาก ในเวลานี้เองทำให้การดำรงชีพของชุมชนชาวจีนมีความมั่นคงขึ้น และสถานะทางสังคมในไทยก็ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ชุมชนชาวจีนกล้าที่จะลงรากสร้างศาลเจ้าหรือวัด เพื่อแสดงออกถึงความเชื่อถือเทพเจ้าของบ้านเกิดตัวเอง นับระยะเวลามาถึงปัจจุบันมีประวัติซึ่งเกินร้อยปีขึ้นไป และเหล่าศาลเจ้าศาสนาเต๋ายังคงเหลือให้เห็นอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย เช่น
1. ศาลเจ้ากวนตี้อู่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำธนบุรี ป้ายบนประตูศาลจารึกไว้เป็นปี 1781 เชื่อระยะเริ่มก่อสร้างต้องก่อนหน้านี้อีกประมาณหนึ่ง
2. สร้างเมื่อปี 1782 ศาลเจ้าเซวินเทียนซางตี้ตั้งอยู่ที่อยุธยา ป้ายบนประตูศาลจารึกไว้เป็นปี 1842
3. สร้างเมื่อปี 1816 ศาลเจ้าบ้านหม้อ ก็คือศาลปุ้นเถ่ากงบ้านหม้อ
4. สร้างเมื่อปี 1872 ศาลเจ้ากวนตี้ที่เกาะสมุย
5. สร้างเมื่อปี 1854 ศาลเจ้าเซียนกงตลาดน้อย
6. สร้างเมื่อปี 1864 ถนนเจริญกรุงใกล้ปากซอย 63 ศาลเจ้าซินซิ่งกงเทียนจี้
7. สร้างเมื่อปี 1883 ใกล้กับสถานีรถไฟหัวลำโพงถนนไมตรีจิตต์ศาลเจ้าชีเซิ่นมา (ชิกเซียนมา)
8. สร้างเมื่อปี 1892 ถนนสำเพ็งซอยตลอดเก่าศาลกวนตี้
9. สร้างเมื่อปี 1893 ถนนวัดสามปลื้มซอยสำเพ็งศาลซินซิ่ง (ศาลเจ้าจิ่วฮวงจิโต๋เหล่า) และ
10. สร้างเมื่อปี 1902 และศาลเจ้าลวี่ตี้ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นต้น
เมื่อย้อนไป 70 ปีก่อนรัฐบาลไทยได้ประกาศนโยบายด้านการศึกษา โดยกำหนดห้ามการเปิดเรียนเปิดสอนภาษาจีนดังนั้น ลูกหลานชาวจีนอายุ 60 ปีลงมาส่วนมากไม่สามารถพูดเขียนภาษาจีนได้แล้ว แม้แต่แซ่ของตัวเองก็ไม่สามารถเขียนได้ ยิ่งแย่ไปกว่านั้นภาษาจีนท้องถิ่นของตัวเองก็ไม่รู้จัก บางคนรู้ว่าตัวเองเป็นลูกหลานคนจีน แต่ไม่ทราบแซ่อะไร เมื่อก่อนศาลเจ้าเต๋าจำนวนมากไม่ได้ใช้ภาษาจีนในการถ่ายทอดรุ่นสู่รุ่น และก็ไม่รู้ว่าศาสนาเต๋าคืออะไร รู้แต่เพียงว่าเหล่าเทพเจ้าในศาลเจ้านั้นนำมาจากทางด้านใต้ของจีน กระทั่งบรรพบุรุษผู้สืบทอดศาลเจ้าในยุคก่อนก็ไม่ได้ทิ้งประวัติใดๆไว้ แต่เพื่อให้ศาลเจ้ายังต้องดำรงคงอยู่ต่อไปจึงค่อยๆปรับตัวไปร่วมกับสีสรรของพุทธศาสนา จึงทำให้พิธีกรรมของศาลเจ้าเต๋าในปัจจุบันก็ได้ใช้พิธีเดียวกันกับพุทธศาสนาสายเถรวาทประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ในสังคมชาวจีนเองความรู้เกี่ยวกับศาสนาเต๋า นอกจากนักพรตเต๋าและบรรดาศาสนิกชนศาสนาเต๋าซึ่งมีจำนวนน้อยแล้ว คนทั่วไปเข้าใจว่าการ “ไหว้เจ้า” หรือ “ไหว้เหล่าเอี้ย” ก็คือการ“ไหว้พระ” และการ “ไหว้พระ” ก็คือการ “ไหว้เจ้า” หรือ “ไหว้เหล่าเอี้ย” ทำให้การ “ไหว้เจ้า” หรือ “ไหว้เหล่าเอี้ย” กับการ “ไหว้พระ” คืออันเดียวกันจนยากที่จะแยกออกจากกัน คนทั่วไปรู้ว่าศาสนาพุทธคืออะไร ใครคือศาสดาของศาสนาพุทธ คนส่วนมากไม่รู้จักศาสนาเต๋า? ใครคือศาสดาของศาสนาเต๋า? และก็ไม่รู้ว่าตัวเองนับถือคือศาสนาเต๋า ต่อความหมายและความป็นมาของการ “ไหว้เจ้า” หรือ “ไหว้เหล่าเอี้ย” ไม่ชัดเจน เป็นเช่นนี้จากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบัน ความเข้าใจของสังคมต่อศาสนาเต๋ายิ่งมายิ่งลางเลือน ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวสรุปโดยย่อเกี่ยวกับศาสนาอันเก่าแก่ของเรา-ศาสนาเต๋า
ในฐานะที่เป็นศาสนิกชนของศาสนาเต๋า อันดับแรกจะต้องเข้าใจที่มาที่ไปของความเชื่อถือของเรา ตลอดจน ประวัติศาสตร์ ความหมายและแก่นธรรมคืออะไร? ในโอกาศนี้เรามาร่วมกันศึกษาศาสนาต๋าที่เราเคารพและนับถือ
ศาสนาเต๋าเป็นศาสนาที่เก่าแก่ของชนชาวจีน มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับเวลาถึงปัจจุบันมีอายุได้ 4,711 ปี โดยเริ่มต้นจากราชวงศ์ฮวงตี้ เฟื่องฟูยุคเหลาจื้อในรัชสมัยราชวงศ์โจ พัฒนาเป็นศาสนาโดยจางเต้าจวินในราชวงศ์ฮั่น ศาสนาเต๋าเคารพฟ้าและกราบไหว้บรรพบุรุษเป็นฐาน บนพื้นฐานของความเชื่อนั้นให้ “เต๋า” เป็นสภาวะสูงสุด การศึกษาเทพยดาเซียนเป็นแก่นกลาง จวบถึงปัจจุบันมีเนื้อหาที่กว้างขวางและซับซ้อนมาก ภายในนี้รวมถึงภูมิปัญญาของ ชาวบ้านและวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อๆกันมา เป็นต้น เป็นศาสนาของชนชาวจีนแต่ดั้งเดิมศาสนาเต๋ามีความเชื่อว่าสรรพสิ่งในใต้เหล้าล้วนแต่มีเทพยดาสิงสถิอยู่ “ผู้ใดมีเต๋าผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม” เน้นถึงปุถุชนต้องปฏิบัติธรรม (เต๋า)และสะสมความคุณธรรม ส่งเสริมในชีวิตประจำวันต้องมีเมตตา ประหยัดและอ่อนน้อมถ่อมตน ในการปฏิบัติพัฒนาภายในตนเองนั้นเน้นที่ความสงบสันโดษไม่แก่งแย่ง
ศาสนาเต๋าเคารพนับถือเทพเจ้าหลากหลายองค์ ในจำนวนนี้ต้องนับว่า ซานชิงเป็นเทพแห่งเทพเจ้า นอกจากนั้นยังมีสามเทพแห่งจักรวรรดิ์(เทพฟ้า เทพดินและเทพน้ำ) ตลอดจนถึงเจ้าพ่อเมืองและเจ้าที่เจ้าทาง สังเกตุเห็นว่าในบรรดาเทพเหล่านี้มีที่มาจากฟ้าดิน คนเดินดินบรรลุเซียน รวมถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีบารมี มีความรู้ มีปฏิบัติดีมีคุณธรรมและแพทย์ที่มีผลงานความโดดเด่นเป็นต้น
-
泰國道教概述
泰國華人(中華民族)南移至泰國,可追溯至唐朝的盛唐時期開始,至明朝倭寇亂華和清朝末期更多人往泰國遷移,在遷移時,都會將家鄉的風俗習慣與神明信仰(道教)一同帶往海外。來到泰國的華人,生活在異國的不同民族大家庭之中,他們的共同信仰,把他們對於祖國和故鄉的情結,展現為一種共同的行為。每當舉行大型宗教活動時,共同的宗教信仰使他們一起燒香,一起跪拜,團結和凝聚在一起,使他們在艱苦奮鬥中獲得一種不孤獨的凝聚感情。移民到泰國的華人,一直到五世皇朱拉隆功大帝在位時,政策上對華人特別寬容,此時,華人的生活才開始逐漸趨向穩定,在泰國的社會地位已經開始受到肯定。因此,敢於將家鄉的信仰(道教) 在此紮根,此時修建了大量的廟宇。至今,超過百年歷史的道教古廟還有很多間。如:
1. 建於曼谷吞武裡臨河的關帝武聖廟,廟內有一匾額,題記1781年,相信建廟的時間還要早一些;
2. 建於1782年位於都城牆內的玄天上帝廟,廟內掛有1842年的匾額;
3. 建於1816年的萬望古廟,即萬望老本頭公古廟;
4. 建於1872年的蘇梅島關帝廟;
5. 建於1854年噠叻仔的仙公宮;
6. 建於1864年石龍軍路近63巷口的新興宮天妃聖廟;
7. 建於1883年近華喃蓬火車站邁滴集路的七聖媽廟;
8. 建於1892年三聘街老噠叻巷的關帝古廟;
9. 建於1893年在越三飯路三聘直街的新興壇(九皇及斗姥廟)和
10. 建於1902年的呂帝廟……等等。
七十多年前泰國實施了同化政策,不准民間開辦華校並禁用華文華語。所以,在今天的泰國,很多六十歲以下的華人後裔,大多數都不會講華語寫華文,也有甚至連本身的姓名也寫不出,更槽的是連自己的方言都不懂;有的只知道自己是華人,就不知道姓甚麼。以前很多廟宇都沒有中文文字傳承也不知道道教是甚麼,只知華人神廟眾神是從中國南移帶進來的,甚至早期的華裔神廟,祖先也沒把文史留下。而神廟必須生存下來慢慢一點一點滲入佛教色彩,所以演變成現今的神廟儀式都採用小乘佛教儀式。
泰國是個佛教國家,在華人社會裡,了解道教的人,除了在職道士和少數對道教有認識的信徒外,一般人把「拜神」或「拜老爺」當作「拜佛」,也把「拜佛」當成「拜神」或「拜老爺」,讓「拜神」或「拜老爺」與「拜佛」糾纏在一塊,難解難分。很多人知道佛教是甚麼、佛祖是誰;大部分的人根本不知道甚麼是道教?道祖是誰?也不知道他們所信仰就是道教。對「拜神」或「拜老爺」 的由來與含義不清楚,而且,就這樣一代接一代的傳承下去,直到今天,社會對於道教的了解就越來越模糊,因此,有必要給大家簡單的概述我們的古老宗教–道教。
身為道教徒,首先必須要了解我們的信仰由來,其歷史和教理教義是甚麼?借今天這個機會,和大家一起學習,我們所信仰的道教。
近代大文豪魯迅先生說過,華人的根底全在道教。道教是中華民族的古老宗教,其歷史淵遠流長,距今已有4,711年。源自黃帝,倡於周代老子,成教於漢代的張道陵。道教以敬天祭祖為本,在信仰的基礎上以道為最高境界,神仙學說為中心,從古至今,其內容十分龐雜,裡面含有民間風俗習慣,和文化傳統等………,是中華民族固有的宗教。
道教以天地萬物都有神靈,並謂「道之在我就是德」,強調人一定要修道積德,主張日常生活中要慈愛、節儉、謙讓。在個人修養方面以清靜無為為內修功夫。
道教崇拜的神祇很多,而以三清為首,其下有三官大帝(天官、地官和水官) ,以至城隍、土地之神。其中既有天神、真仙,也有歷史人物,有顯赫權貴,也有著名學者,仁人善士和傑出的醫學家等等。 -
也為道教「正名」說點話
先後讀了《聯合早報》2012年9月3日題為「馬國道教總會將發動『正名』運動」的新聞報導,以及林益華君於9月8日在《交流站》所寫的文章《感同身受的道教「正名」問題》,我也有一些意見想表達。
新加坡建國前,道教是沒有正式受法律承認的組織(當時我國還是殖民地),華人社會裡了解道教的人也不多,只有在職道士和少數對道教有認識的信徒,一般人都把「拜神」當作「拜佛」,也把「拜佛」當成「拜神」,讓「拜神」與「拜佛」纏在一塊,難解難分。很多人知道佛教是什麼、佛祖是誰;大部分的人根本不知道什麼是道教?道祖是誰?當時的華人社會,信仰道教的人數應該是最多的,不過,常常都被稱為「華人傳統信仰」。直到建國後,在政府的種族和諧政策下,由十幾位各籍貫的道士與居士共同發起組織的「新加坡三清道教會」,終於在1979年的11月30日被批准註冊了。這是我國當時唯一的道教團體,組織成功後開始弘揚道教文化,推廣道教的教理教義,對後來道教在新加坡的發展奠定了基礎。
1989年,新加坡宗教調查報告書發佈的資料顯示,新加坡華人傳統宗教的信仰人數,有下降的趨勢,足以警惕同道,也在很大程度上說明過去的努力不夠(或者不夠努力)。於是,新加坡三清道教會廣邀全國各道教宮廟團體,於是年3月5日假大巴窯幸福樓酒樓,共同研討道教的困境,以及如何保留民族的文化與傳統,席間產生了組織一個道教聯合總會的建議,新加坡三清道教會被推舉負起籌組道教總會的使命。
1990年,新加坡道教總會終於成立,成立後的第一個工作便是爭取為道教徒「正名」。在1990年新加坡人口普查表格的「宗教」一欄,道教徒終於有了自己宗教信仰正確選擇–「道教/其他民間信仰」。從此之後,道教徒就有了真正屬於宗教信仰的「正名」。當廣大的人們對道教和道教文化有正確的認識和了解後,新加坡道教的各項發展便逐一開展,有華語、粵語、琼語和福建話的誦經班、誦經團在全國各個宮廟相繼開辦。也常舉辦講座、研討會以及文物展覽,讓廣大的人們對道教有更深入的瞭解。1996年3月,新加坡道教協會主辦了「第一屆新加坡道教節」,於當年農曆二月十五老子誕辰日隆重舉行,並得到了海內外道教組織的鼎力支援,如香港青松觀、香港蓬瀛仙館以及各道宮,還有中國和臺灣的宮觀等,吸引了海內外不少人的注意。這是新加坡道教的一項創舉,也是全球第一個正式的「道教節」。這一切的發展,不都是得以「正名」後的成果嗎?
相信大家都會感受到,只要新加坡道教總會繼續努力耕耘,同時促進我國道教界的團結與共識,爭取農曆二月十五老子誕辰成為新加坡的另一個公共假期一道教節,也將不再是天方夜譚。這是新加坡所有道教信徒的期盼呀!
轉載自2012年9月20日新加坡《聯合早報》
作者:陳青雲
作者介紹:多年來積極參與推動新加坡道教與道教文化的發展和參與推動泰國道教發展的組織工作。
-
全球第一個道教日將於明年(2013年) 在香港誕生
據聞香港道教聯合會代表香港道教界,近日向香港特區政府申請每年三月的笫二個星期日為「道教日」,並得到特區政府正面的回應。相信明年香港的日曆,三月份的第二個星期日會印上「道教日」三個字。
新加坡道教協會在獲得批准成立的一個月後,於1996年3月份所發起的道教節,影響了全世界各地的道教界。隨著新加坡舉辦了「第一屆道教節」之後,第二年(1997年) 馬來西亞道教總會也於農曆的二月十五(三月份)慶祝馬國「第一屆道教節」,2000年香港道教界在香港蓬瀛仙館的號召下,由香港道教聯合會聯合舉辦了香港的「第一屆道教節」,隨著每年都大事慶祝,並不遺餘力的將道教文化,透過各種方式讓人們認識。
香港道教界把新加坡的道教節概念帶到香港之後,經過十二年的不斷努力灌溉耕耘,今天終於開出美麗燦爛的花朵,誕生了全球第一個正式受到承認,屬於道教的道教日,令人深感欣慰。在此,祝賀他們積極努力,堅持不懈所取得的成就與成功。
同時更加希望新加坡道教界能團結一致,努力做好道教文化的弘揚工作,用最簡單的方法讓所有信徒產生共識,把香港道教界所開出的美麗燦爛花朵,也能夠在新加坡結成豐滿的果實。相信在大家的努力下,一定能夠爭取到一個屬於新加坡道教/道教徒的假日——道教節。
作者:陳青雲
作者介紹:多年來積極參與推動新加坡道教與道教文化的發展和參與推動泰國道教發展的組織工作。